นวัตกรรมและการประหยัด
ความหนาของฟิลม์หดที่ปรับให้เหมาะสม
ที่โรงงานเมก้า ที่ตั้งที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู เราปรับคุณลักษณะของฟิลมหดให้เหมาะสมที่ 15-ไมครอน ถึง 12-ไมครอน

- การปรับเปลี่ยนนี้ส่งผลต่อการลดการใช้ฟิลม์หดของเราร้อยละ 20 ต่อปี
- การริเริ่มดำเนินการนี้ส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยประมาณลดลง 792 กิโลกรัมต่อปี
การริเริ่มการเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุบรรจุภัณฑ์ โดยการลดวัสดุบรรจุภัณฑ์ ปี 2567
บริษัทได้ออกแบบและปรับเรื่องบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมโดยลดการใช้กระดาษแข็งและพลาสติกที่มากเกินควรโดยสามารถลดปริมาณการใช้กล่องกระดาษลงจาก 668 ลบ.ซ. เป็น 499 ลบ.ซ.
- การดำเนินการนี้ช่วยลดการใช้กระดาษแข็งได้ร้อยละ 25.39
- การใช้กระดาษแข็งลดลงทั้งสิ้น 13,320 กิโลกรัม
- การดำเนินการดังกล่าว บริษัทมีเป้าหมายว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 16,330 กิโลกรัมต่อปี

วัสดุ | มิติ (ตร.ซม.) | ปริมาณที่ลดลง | |
---|---|---|---|
การออกแบบแบบเก่า | การออกแบบแบบใหม่ | ||
กล่อง (ก x ย x ส) | 668.7 | 499.06 | 25% |
การลดขยะอันตราย - ความปรับแผ่นกรองให้เหมาะสม ปี 2567
บริษัทได้ปรับขั้นตอนการเปลี่ยนแผ่นกรองให้เหมาะสมจากการเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้เป็นวิธีการเปลี่ยนตามสภาวะการใช้งาน

- การดำเนินการนี้ช่วยยืดอายุการใช้งานแผ่นกรองได้ร้อยละ 66.67
- การริเริ่มดำเนินการนี้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยประมาณได้ 287 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์
การลดขยะอันตราย - บริษัทเมก้า ปี 2567
บริษัทปรับขนาดชุดข้อมูล (เบท์ช ไซส์) ให้เหมาะสมซึ่งส่งผลต่อการลดการวิเคราะห์ต่อยาเม็ด 1 ล้านเม็ด
- การดำเนินการนี้ช่วยลดปริมาณขยะอันตรายได้ร้อยละ 38

การเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน: การปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องลดความชื้น ปี 2567
ในปี 2567 ที่บริษัทได้ปรับแรงดันไอน้ำให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความร้อนแฝงจำเพาะขึ้นร้อยละ 2.28 และปรับปรุงการใช้งานเครื่องลดความชื้นให้ดีขึ้นซึ่งนำไปสู่การประหยัดพลังงาน ซึ่งช่วยลดพลังงานได้ถึง 184.58 MMBTU ส่งผลให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 10,933 กิโลกรัมต่อปี



การปรับปรุงประสิทธิภาพของคูลลิ่งทาวเวอร์ (หอหล่อเย็น) ปี 2567
บริษัทได้ปรับปรุงหอหล่อเย็นโดยเปลี่ยนหอหล่อเย็นขนาด 1,300 ตันที่มีอยู่ไปเป็นขนาด 2,300 ตันจำนวน 2 เครื่องเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นโดยมีภาระการใช้งานน้อยลง
การปรับเปลี่ยนนี้ส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็นจำนวน 106,928 กิโลกรัมต่อปี
ประเภท | การประหยัดพลังงาน/ปี (kWh) | การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (กิโล) |
---|---|---|
ไฟฟ้า | 26,732 | 106,928 |


การเพิ่มประสิทธิภาพและการใช้น้ำ ปี 2567
ในปี 2567 ที่บริษัทได้ปรับแรงดันไอน้ำให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความร้อนแฝงจำเพาะขึ้นร้อยละ 2.28 และปรับปรุงการใช้งานเครื่องลดความชื้นให้ดีขึ้นซึ่งนำไปสู่การประหยัดพลังงาน ซึ่งช่วยลดพลังงานได้ถึง 184.58 MMBTU ส่งผลให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 10,933 กิโลกรัมต่อปี
บริษัทมุ่งเน้นการอนุรักษ์น้ำโดยการติดตั้งหัวฉีดน้ำและเซ็นเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงจำนวน 106 หัว ณ จุดล้างมือทั่วทั้งบริเวณพื้นที่การผลิต
การริเริ่มดำเนินการนี้ลดการใช้น้ำ ณ จุดล้างมือได้ร้อยละ 66 ซึ่งช่วยประหยัดน้ำรายปีได้ประมาณ 242,700 ลิตร และในระดับโรงงานส่งผลต่อการลดลงของน้ำร้อยละ 15 ต่อล้านแคปซูลซึ่งถูกผลิตร่วมกับการริเริ่มดำเนินการเรื่องน้ำอื่น ๆ
Before

After

การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างเหมาะสม ปี 2567
บริษัทได้นำน้ำบริสุทธิ์มาใช้อย่างเหมาะสมโดยใช้น้ำร้อนเพื่อทำความสะอาดเบื้องต้นและใช้น้ำบริสุทธิ์เพื่อทำความสะอาดในขั้นตอนสุดท้าย
ประโยชน์หลัก ๆ ที่ได้รับ:
- ลดปริมาณการใช้น้ำบริสุทธิ์ลงร้อยละ 50
- ช่วยลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยประมาณได้ 172,490 กิโลกรัม


การอนุรักษ์น้ำและการนำน้ำกลับมาใช้ - บริษัท เมก้า ปี 2567
บริษัทนำน้ำทิ้งจากระบบกรองน้ำอาร์โอไปใช้ในการทำสวน ทำความสะอาดโรงงานและล้างมือ
ช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 1,387 ลบ.ม.


การอนุรักษ์น้ำและการนำน้ำกลับมาใช้ - บริษัท เมก้า ปี 2567
บริษัทดำเนินการในการนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์โดยใช้น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดร้อยละ 50 ของโรงงานบำบัดน้ำเสียเพื่อการให้น้ำในสวน
- การริเริ่มดำเนินการนี้สามารถช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 604 ลบ.ม. ต่อปี

นวัตกรรมและการประหยัด : ไฟฟ้า ปี 2566
นวัตกรรมที่ทำให้โลกสะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น

เมก้าไลฟ์ไซแอ็นซ์ได้ลงทุน 1.5 ล้านบาท เพื่อให้การใช้ไฟฟ้าของเครื่องทำความเย็นในโรงงานผลิตประเทศไทยมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประหยัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ 337 ตัน และ 2.5 ล้านบาทต่อปี

สวิตซ์เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเวลาได้รับการติดตั้งในโรงงานผลิตในประเทศไทย ส่งผลให้การปล่อย CO2 ประหยัดสุทธิ 29 ตัน ด้วยการลงทุนจำนวน 100,000 บาท
เมก้า ประเทศเมียนมาร์ ปี 2566

- ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 500 กิโลโวลต์-แอมแปร์ (KVA) และเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2565
- ประมาณค่าการใช้น้ำมันดีเซลลดลง 23.7%
- ใช้น้ำมัน 66 ลิตรต่อชั่วโมงสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 1,000 กิโลโวลต์-แอมแปร์
- ใช้น้ำมัน 52 ลิตรต่อชั่วโมงสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์-แอมแปร์
- ลดการเกิดก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยประมาณ 3,189 กก ต่อวัน
- ลดการเกิดก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยประมาณ 1,164 ตัน ต่อปี
- มีการลงทุน: 75,000 ดอลลาร์
- ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) : 7.4 เดือน