การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่มีสำคัญที่สุดซึ่งบริษัทฯกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลเสียต่อธุรกิจและเศรษฐกิจซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตด้วย

บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ รับทราบและตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ และด้วยเหตุนี้จึงมีกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมีการแบ่งกลยุทธ์และผลลัพธ์ที่ต้องการในแต่ละด้านที่ระบุ

สินค้า/บริการ
กลยุทธ์
นวัตกรรมการออกแบบ
ผลลัพธ์ที่ต้องการ
วัสดุรีไซเคิล
บรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ
ลดความเข้มของพลังงาน
ต้นทุนพลังงาน
ประชากร
กลยุทธ์
การฝึกอบรมและการรับรู้
ผลลัพธ์ที่ต้องการ
การตรวจสอบซัพพลายเออร์
การใช้การขนส่งที่ยั่งยืน
การดำเนินธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่
ทรัพยากรธรรมชาติ/เศรษฐกิจหมุนเวียน
กลยุทธ์
พลังงานหมุนเวียน
พลังงานคาร์บอนต่ำ
การจัดการของเสีย
การรีไซเคิลน้ำ
ผลลัพธ์ที่ต้องการ
ส่วนแบ่งพลังงานหมุนเวียน ร้อยละ 10 ภายในปี 2568 และ ร้อยละ 40 ภายในปี 2573
การหมุนเวียนของเสีย ร้อยละ 30 ภายในปี 2568 และร้อยละ 50 ภายในปี 2573
การรีไซเคิลน้ำ ร้อยละ 50 ภายในปี 2030

บริษัทฯ มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการหาวิธีและแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์ด้านคาร์บอนต่ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดการดำเนินการที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพด้านภูมิอากาศ บริษัทฯมองว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเป็นโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจรีไซเคิลของเราทั่วโลกด้วย

บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและใช้งานได้นานที่สุดผ่านนวัตกรรม บริษัทฯยังมีกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสร้างแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืนอื่นๆ จนถึงปี 2568 และ 2573

การวิเคราะห์ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

วัตถุประสงค์และขอบเขต

การทบทวนความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศของเมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ได้มีการกำหนดกรอบการทำงานสำหรับการกำกับดูแลกิจการ การบริหารความเสี่ยงและความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท (CSG) โดยเป็นการสรุปวิธีการที่มุ่งเน้นไปยังผลกระทบระยะกลาง ผลกระทบระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและนโยบายสภาพภูมิอากาศ การประเมินความเสี่ยงก่อนหน้านี้ และความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งที่สำคัญ คือ จะต้องไม่เพียงแค่ให้ความสำคัญกับอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นขอบเขตของการประเมินความเสี่ยงส่วนใหญ่เท่านั้น แต่ยังต้องให้ความใส่ใจในการให้ความสำคัญกับปัญหาในระยะกลางและระยะยาวด้วย จึงเป็นสาเหตุที่บริษัทจำเป็นต้องปรับกรอบการประเมินความเสี่ยงด้านการจัดการความเสี่ยงขององค์กร (ERM)

เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เป็นยา และผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในหลากหลายประเภท และยังจัดหาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากผู้ผลิตภายนอกด้วย ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวเนื่องกับโซ่อุปทานที่มีการพัฒนา/ซับซ้อนขึ้น

บริษัทมีความประสงค์ที่จะพัฒนากลยุทธ์ที่ครอบคลุมในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่างๆ ซึ่งรวมถึง:

ผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตและการดำเนินธุรกิจ รวมถึงห่วงโซ่อุปทาน
ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ ผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลและกฎระเบียบของประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจและข้อกำหนดการรายงาน CSR ของตลาดหลักทรัพย์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ
การตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทมีกรอบการจัดการบริหารความเสี่ยงสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้เมื่อมีข้อมูลและนโยบายใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ
บริษัทมีมุมมองตามความจริงต่อความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการล่วงหน้าได้ตามเหมาะสม
สามารถทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบว่าได้จัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบอย่างสมบูรณ์

การประเมินความเสี่ยงนี้ได้ดำเนินการตามแนวทางของ Australian Greenhouse Office (AGO, 2006), ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการความเสี่ยง – คำแนะนำสำหรับธุรกิจและภาครัฐ โดยวิธีการนี้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ISO 31000, การจัดการความเสี่ยง – แนวทางต่างๆ โดยมีการเพิ่มสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องในขั้นตอน “ขอบเขต บริบท และเกณฑ์มาตรฐานอย่างชัดเจน”

ความครอบคลุมและวัสดุอุปกรณ์

ความครอบคลุม

ภูมิภาคที่ตั้งโรงงานผลิตของบริษัท สถานที่ที่ใช้เพื่อบรรจุสินค้า และคลังสินค้าของบริษัท

ภูมิภาคที่เป็นแหล่งที่มาของส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการผลิต หรือที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโซ่อุปทานการผลิตของบริษัท

เขตอำนาจศาลที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศอาจมีผลต่อบริษัท

วัสดุอุปกรณ์

เอกสารของบริษัทที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน

รายงานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สภาวะภูมิอากาศ กฎระเบียบและนโยบายด้านภูมิอากาศ และชุดสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศ

กรอบการบริหารความเสี่ยงและกระบวนการของบริษัทและคําแนะนําในการทําความเข้าใจความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับการพิจารณาในรายละเอียดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในระยะแรก การวิเคราะห์นี้ได้รับการทบทวนและเพิ่มเติม โดยพิจารณาบริบทที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ

ใช้ชุดคำถามสองชุดนี้ในการตั้งคำถาม เพื่อเป็นแนวทางในการหารือ:

  • ที่อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมหากบริษัทได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศคือใคร? และอย่างไร? (ดูตาราง 1 เป็นตัวอย่าง)
  • ผู้ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศคือใคร? และส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างไร? (ดูตาราง 2 เป็นตัวอย่าง)

การนำเสนอชุดคำถามช่วยในการระบุ:

  • ปัญหาใหม่ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้
  • กลุ่มที่ไม่ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการตอบสนองของบริษัท
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผลกระทบของสภาพอากาศกาศต่อบริษัท ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ซัพพลายเออร์ ความต้องการใช้สาธารณูปโภค โดยเฉพาะพลังงานและน้ำเพิ่มเติมที่สูงขึ้น อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในเครือข่ายอุปทาน
หน่วยงานกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงของเศษเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรม หรือมลพิษที่ปล่อยจากภาคการผลิต แรงกดดันทางสังคมและการเมืองในการแก้ไขกฎระเบียบ
ลูกค้า ข้อจำกัดในความสามารถในการผลิตหรือ จัดจำหน่ายปริมาณสินค้าที่ต้องการ ผลต่อสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์

ตารางที่ 1: ตัวอย่าง-ผลกระทบของบริษัทต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผลกระทบของสภาพอากาศกาศต่อบริษัท ผลกระทบต่อบริษัท
ซัพพลายเออร์ ไม่สามารถเก็บเกี่ยว เตรียม จัดหา หรือขนส่งวัตถุดิบสำคัญได้ตามคุณภาพหรือปริมาณที่ต้องการ ข้อจำกัดในการผลิต จำเป็นต้องปรับห่วงโซ่อุปทาน
หน่วยงานกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่จำเป็นต้องมีการ ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ข้อจำกัดในการดำเนินงาน สถานที่ตั้ง และห่วงโซ่อุปทาน
หน่วยงานกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีผลต่อพลังงาน น้ำ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือของเสีย ข้อจำกัดในการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงทางวิศวกรรมโรงงาน
ลูกค้า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของโรคเนื่องจากพาหะนำโรคปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์และส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์

ตารางที่ 2: ตัวอย่าง – ผลกระทบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อบริษัท

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผลกระทบของสภาพอากาศต่อบริษัท ผลกระทบต่อบริษัท
ซัพพลายเออร์ ไม่สามารถเก็บเกี่ยว เตรียม จัดหา หรือขนส่งวัตถุดิบ สำคัญได้ตามคุณภาพหรือปริมาณที่ต้องการ ข้อจำกัดในการผลิต จำเป็นต้องปรับห่วงโซ่อุปทาน
หน่วยงานกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ข้อจำกัดในการดำเนินงาน สถานที่ตั้ง และห่วงโซ่อุปทาน
หน่วยงานกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีผลต่อพลังงาน น้ำ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือของเสีย ข้อจำกัดในการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงทางวิศวกรรมโรงงาน
ลูกค้า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของโรคเนื่องจากพาหะนำโรคปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์และส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์

ผลลัพธ์

ผลกระทบโดยตรงของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่มีต่อธุรกิจของบริษัท แสดงให้เห็นว่ามีผลกระทบเพียงเล็กน้อยในระยะสั้นถึงระยะกลาง ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ส่วนใหญ่ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของต้นทุนวัสดุการผลิตทางชีวภาพที่ไม่มากนัก เช่น พืชที่เป็นส่วนประกอบและการใช้พลังงานและน้ำ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่เพิ่มต้นทุนของผู้ผลิตหรือสร้างแรงกดดันต่อแหล่งอุปทานแบบดั้งเดิม

กฎข้อจำกัดที่สำคัญต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังไม่ได้มีผลกับบริษัทในช่วงนั้น อย่างไรก็ตาม อาจมีการใช้กฎข้อจำกัดดังกล่าวในอนาคตระยะกลาง โดยมีการลดค่าเกณฑ์การปล่อยก๊าซในภายหลัง ผลกระทบทางอ้อมจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อาจทําให้ต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระยะสั้น นอกจากนี้ ความกดดันทางสังคมและกฎระเบียบในการจัดการกับการจัดการของขยะที่เข้มงวดมากขึ้นอาจก่อให้เกิดต้นทุนเพิ่มในธุรกิจและอาจเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทได้

ถึงแม้ว่าจะไม่คาดคิดถึงความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่พบว่าในบางประเด็นนั้น จำเป็นต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ ซึ่งรวมถึง:

  1. ศักยภาพในการเพิ่มต้นทุนปัจจัยการผลิต หรือข้อจำกัดในการกำจัดน้ำและขยะมูลฝอย
  2. ต้นทุนของวัสดุที่ใช้สำหรับการเก็บรวบรวมวัสดุชีวภาพ
  3. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่อยู่อาศัยและความพร้อมใช้งานของผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่เฉพาะเจาะจง
  4. โอกาสในการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงที่ระบบมีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย ค่าไฟจึงมีราคาถูกและแหล่งพลังงานทางเลือก
  5. รับรองว่าตามกฎระเบียบจะถือว่าผู้ประกอบกิจการร่วมค้าเป็นหน่วยงานที่อิสระต่อกันในการรายงานและควบคุมการปล่อยมลพิษ

กลยุทธ์

ตรวจสอบต้นทุนปัจจัยการผลิต ได้แก่ พลังงาน ของเสีย แรงงาน และวัตถุดิบ

การกระจายความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทาน

การร่วมทุน/การจัดซื้อโดยบุคคลที่สาม

การพึ่งพาซึ่งกันและกันในห่วงโซ่อุปทาน

การจัดการของเสีย

ความตระหนักในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนสำหรับการจัดหาเงินทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การฝึกอบรมและการพัฒนาทรัพยากรภายใน

การตรวจสอบและการรายงานแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด